5/7/62

ไขมันที่อันตรายที่สุด – คนผอมก็มีได้

   รู้หรือไม่ว่าไขมันในร่างกายของเรามีหลายชนิดด้วยกัน บางชนิดมีประโยชน์มาก ช่วยห่อหุ้มอวัยวะภายใน บางชนิดมีไว้เพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกาย บางชนิดมีไว้งั้นๆเอาไว้หนักร่างกายเฉยๆ แต่มีไขมันชนิดหนึ่งในร่างกายที่เปรียบเสมือนระเบิดเวลา ยิ่งมีไขมันชนิดนี้มากอาจทำให้เกิดโรคที่ถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว เจ้าไขมันชนิดนี้เรียกว่า Visceral Fat มันเป็นอย่างไรมารู้จักกับมันกันเลย

  
Visceral Fat คืออะไร

  โดย ปกติถ้าเราพูดถึงไขมัน เราก็จะนึกถึงสิ่งที่นุ่มๆอยู่ใต้ผิวหนังของเราใช่ไหมครับ ยิ่งเราอ้วนขึ้นมากเท่าไร ไขมันใต้ผิวหนังก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าไขมันพวกนี้หลายคนไม่ชอบมันเลยเพราะมันทำให้ดูอ้วน แต่จริงๆแล้วไขมันพวกนี้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเท่าไรครับ มันเป็นแหล่งพลังงานสำรองของร่างกายที่ขนมาเก็บไว้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ (แค่มันทำให้เราดูอ้วนซึ่งจริงๆก็ไม่มีใครชอบเท่าไรนัก -_-" )

แต่ไขมันตัวร้ายจริงๆอยู่อีกที่หนึ่งครับ ไขมันชนิดนี้เรียกว่า Visceral Fat ซึ่งอาศัยอยู่ภายในบริเวณช่องท้องครับ มันอยู่ลึกลงไปในท้องของเรา มันเป็นไขมันที่ห่อหุ้มอวัยวะภายใน ไขมันชนิดนี้จะแข็งกว่า มันเป็นไขมันที่ทำให้พุงของเราแข็งเสมือนกับกินลูกบอลลงไปเลยยังไงยังงั้น ทุกๆคนมีเจ้านี่เป็นจำนวนที่แตกต่างกันไป ไขมันชนิดนี้ยิ่งมีเยอะยิ่งอันตรายครับ มันเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงหลายชนิดทีเดียว เช่น โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน, โรคความดันสูง และโรคอื่นๆอีกมากมาย

"ไม่เกี่ยวกับความอ้วน.. คนผอมก็มี Visceral Fat เยอะได้!"

มันไม่เหมือนกับไขมันใต้ผิวหนังครับ ไขมันใต้ผิวหนังเกิดจากการที่เรารับแคลอรี่มากเกินกว่าที่ร่างกายจะใช้หมด ร่างกายจึงนำไปเก็บสะสมไว้ แต่ Visceral Fat เกิดจากการที่เรามีไลฟ์สไตล์ที่มีการเคลื่อนไหวน้อยในแต่ละวัน

รูปข้างล่างเป็นภาคตัวขวางลำตัวมนุษย์ สีขาวข้างนอกคือไขมันใต้ผิวหนัง ส่วนสีขาวข้างในคือ Visceral Fat ซึ่งจะเห็นว่าแม้ในคนที่มีรอบเอวเท่ากัน แต่ Visceral Fat จะมากน้อยต่างกันก็เป็นได้

 

อย่างที่บอกข้างต้น Visceral Fat ถูกสะสมหลักๆจากการที่เรามีไลฟ์สไตล์ที่อยู่นิ่งเป็นเวลานาน แม้ว่าคุณจะผอมคุณก็สามารถมีไขมันชนิดนี้สูงจนเป็นอันตรายได้ คนผอมที่เป็นโรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจส่วนหนึ่งก็เพราะสาเหตุนี้แหละครับ
วิธีเดียวที่จะกำจัดไขมันอันตรายนี้ได้คือการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเท่านั้น